บ้านที่อยู่มานานพอสมควร มักพบว่ามีราขึ้นตามผนังบ้าน ซึ่งไม่ควรปล่อยไว้ เพราะเป็นแหล่งแพร่พันธุ์เชื้อโรค และส่งผลต่อสุขภาพ เชื้อรา ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ มีไข้ จาม น้ำมูกไหล โรคปอดอักเสบจากภูมิแพ้ โรคหอบหืด ก่อให้เกิดระคายเคืองต่อตา จมูก หลอดลม ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน และอาการแพ้เป็นผื่นลมพิษได้
ในการแก้ปัญหาเชื้อราบนผนังบ้าน สามารถทำได้ดังนี้
วิธีที่ 1
ใช้แปรงสีฟันแห้ง ขัดราออกให้หมดอย่างเบามือ จากนั้น ใช้ผ้าชุบแอลกอฮอล์เช็ดตรงที่ราขึ้นเบาๆ เพื่อเป็นการป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรา
วิธีที่ 2
ใช้น้ำยาฟอกขาว หรือใช้ผงฟอกขาว เติมน้ำ 1:99 นำมากรอกใส่ขวดสเปรย์ และพ่นใส่ผนังที่มีเชื้อรา หรือใช้ผ้าสะอาดเช็ด จากนั้น เช็ดด้วยน้ำเปล่าอีกรอบ แล้วใช้แปรงสะอาดขัดราออก
วิธีที่ 3
หากมีราขึ้นเพียงเล็กน้อย ให้ใช้แอลกอฮอล์ที่มีค่าเข้มข้น 80 เปอร์เซ็นต์ ราดลงไปในจุดที่เกิดราขึ้น ซึ่งควรทำในที่ที่ระบายอากาศได้ดีเท่านั้น และต้องใส่ถุงมือ สวมผ้าปิดปาก และสวมแว่นด้วย
วิธีที่ 4
เมื่อทำความสะอาดราด้วยการใช้แปรงขัดออก หรือใช้แอลกอฮอล์เช็ดแล้ว ให้ทาสีใหม่ทับลงไป ซึ่งสีทาบ้านควรมีคุณภาพ และป้องกันเชื้อราได้ด้วย
การป้องกันการเกิดราขึ้น ควรให้ห้องที่มีความชื้นสูง หรือในที่ที่มีความชื้น ได้ระบายความชื้นนั้นออกสม่ำเสมอ หรือสามารถหาซื้อที่ดูดความชื้นมาเพื่อดูดความชื้นในบริเวณนั้นๆ ได้
อีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้บ้านมีราขึ้น ก็คือ บ้านมีความชื้น และมีการรั่วซึมตามจุดต่างๆ ดังนั้น การสร้างบ้านก็ควรใส่ใจในเรื่องของการรั่วซึม และความชื้นภายในบ้านด้วย
ปัญหาราขึ้นบนผนัง หรือตามส่วนต่างๆ เช่น ฝ้าเพดาน นอกจากการทำความสะอาดแล้ว ก็ควรใส่ใจเรื่องการป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นอีก และคุณภาพของตัวบ้านประกอบกันไปด้วย